วันพฤหัสบดีที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2554

การแก้ปัญหาของ VM80 ด้วยตัวท่านเอง

ในช่วงนี้สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงรุนแรงมาก แกว่งตัวไปมาอย่างรวดเร็ว ประกอบกับอยู่ในช่วงหน้าฝน 
จึงทำให้มีฝนตกฟ้าคะนอง-ฟ้าผ่า ซึ่งจะก่อให้เกิดความเสียหายกับอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆในบ้านนกของท่านได้  ตัวผมเองได้รับทราบจากหลายๆท่านได้ประสบโดนฟ้าผ่า ทำให้อุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆเสียหาย

โดยเฉพาะทางจันทบุรี ตราด ซึ่งบ้านนนกของคุณ ธรรมพร เกิดโดนฟ้าฝ่าได้รับความเสียหาย ผมจึงได้นำวิธีการแก้ไขปัญหาในเบื้องต้น ซึ่งสามารถซ่อมแซมเองได้ โดยใช้อุปกรณ์พื้นฐานตามที่มีในร้านอิเลคโทรนิคทั่วไป 

อาการที่คุณธรรมพรแจ้งมาก็คือ ไฟ LED ที่ใช้แสดงผลอุณหภูมิความชื้นที่จอหน้าปัด ไม่แสดงค่า หากว่าตัว PCB ไม่เสียหาย ก็ซ่อมแซมจะกระทำได้ง่ายมาก ซึ่งผมพอสรุปอาการที่เป็นปัญหาได้ 2 ประเด็นก็คือ ฟิวส์ในบอร์ดขาด หรือ คาปิซิเตอร์แสดงผลสัทธ์ได้รับความเสียหาย  ดังนั้นแนวทางในการแก้ไข สามารถทำได้ดังนี้คือ

1.-ตัว Fuse ในบอร์ดขาด
2.-ตัว Capacitor 103 อาจจะเสียหาย

ซึ่ง VM80 นี้ถูกออกแบบมาให้สามารถซ่อมแซมเบื้องต้นเองได้ตามร้าน Electronic ทั่วไปครับ ให้ดูรูปการซ่อมแซมในเบื้องต้น ตามรูปประกอบทั้ง 3 รูปด้านล่างนี้นะครับ

รูป 2 รูปแรก นี้เป็นรูปที่แสดงขั้นตอนในการแกะหน้าปัดเอาบอร์ดออกจาก Case





เมื่อแกะหน้าปัดเครื่อง VM80 ออกมาได้แล้ว ก็ให้ดูบริเวณด้านหลังเครื่อง เราจะเป็นตามรูปด้านล่าง ซึ่งชิ้นส่วนอุปกรณ์ต่างๆ เหมือนในรูป การแก้ใขก็ให้ทำตามขั้นตอนด้านล่าง   - ดูรูปประกอบ -


1.-ตัว Fuse ในบอร์ดขาด สามารถแก้ไขได้โดยการเปลี่ยน ฟิวส์หมายเลข GR265 040 หรือ ฟิวส์ที่สามารถทนกระแสได้ 10A เข้าไปใหม่ 
กรณีที่ Fuse ในบอร์ดไม่เสียหาย ก็จะเป็นที่ตัว Capacitor เบอร์ 103 อาจจะได้รับความเสียหายจากการใช้งาน

2.-ในกรณี Capacitor 103 เสียหาย  ซึ่งการซ่อมแซมจะสามารถทำได้ 2 กรณี คือ
              2.1 - ตัดขา Capacitor ตัวนี้ทิ้งไปเลยทั้ง 2 ขา
              2.2 - หรือเปลี่ยน Capacitor เบอร์ 103 ตัวใหม่แทนที่ของเก่า

เมื่อแก้ไขเปลี่ยนอุปกรณ์ต่างๆเสร็จแล้วก็สามารถนำ Board ใส่กลับเข้าไปใน Case ให้แน่นสนิทเหมือนเดิมแเล้วก็สามารถนำไปใช้งานต่อได้ทันที เป็นเรื่องที่ง่ายและสะดวกมากๆๆ ส่วนโปรแกรมหรือค่าพารามิเตอร์ต่างๆที่เคยตั้งไว้ยังคงใช้ได้เหมือนปกติ  (ของเค้าดีจริงๆ ต้องขอชมโรงงานต่างประเทศที่ผลิต)

หากว่าท่านเคยใช้เครื่องบัดกรี การเปลี่ยนอุปกรณ์เหล่านี้สามารถทำได้เองไม่ยุ่งยาก ไม่ต้องไปจ้างช่างให้ซ่อมเครื่องให้เสียเงินเสียสตางค์  ซึ่งอาจจะซ่อมไม่ถูกจุด หรือโกงค่าซ่อมแพงๆ ผมจึงได้นำวิธีแก้ไขปัญหาในเบื้องต้นให้กับผู้ที่ใช้เครื่องควบคุมอุณหภูมิ-ความชื้น VM80 เพื่อจะสามารถใช้งานเครื่องได้อย่างทันท่วงทีเพื่อให้สามารถควมคุมอุณหูมิ-ความชื้นไม่ให้แกว่งไปมาอย่างไร้การควบคุม เพราะสืบเนื่องจากการที่จะต้องส่งเครื่องมาซ่อม หรือ เสียเวลาไปกับการหาช่างซ่อม เพราะบางครั้งกว่าจะหาสาเหตุเจอก็เสียเวลาไปมาก  หรืออาจจะซ่อมไม่ถูกจุดผิดพลาดไปกันใหญ่  เสียทั้งเวลาและเสียโอกาสที่จะควบคุมอุณหภูมิ-ความชื้นไปนั้นเอง

                                                                                               Vuthmail-Thailand 
                                                                                                       29.09.54

วันศุกร์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2554

รูปการติดตั้ง VM80 เพียง 1 ตัวเพื่อควบคมุอุณหูมิ-ความชื้นกับหลายๆชั้น

ผมป่วยเป็นไข้หวัดไม่สบายอยู่ประมาณ 2 อาทิตย์ ไม่ค่อยได้เข้ามาดูเท่าไหร่  รู้สึกว่าไม่อยากจะทำอะไรเลย เหนื่อยๆ เพลียๆ วันนี้ดีขึ้นมาหน่อย แต่ก็ยังไม่หายสนิท มีอาการปวด มึนศรีษะอยู่บ้างพอประมาณ เหมื่อยตามตัว รู้สึกไม่อยากจะทำอะไรเท่าไหร่

วันนี้เข้ามาเห็นเรื่องของ VM80 ที่สอบถามมา เอาเป็นว่าผมนำรูปที่ผมเคยส่งให้คุณวิกรมมาลงใน Blog ให้ดูก็แล้วกัน สำหรับคนที่ต้องการใช้ VM80 1 ตัว เพื่อการควบคุมหลายๆชั้น ซึ่งโดยส่วนตัวคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาแต่อย่างไร ทำได้เช่นกัน แต่ใจจริงแล้วอยากให้ใช้แยกชั้นไปเลยดีกว่า เพื่อประสิทธิที่สูงสุด และให้ความถูกต้องตรงตามความเป็นจริงในการควบคุมทั้งอุณหภูมิ ความชื้นของแต่ละชั้นจะแตกต่างกันอยู่บ้าง ไม่เหมือนกัน




ซึ่งการใช้แยกชั้น หรือ รวมอยู่ในแต่ละชั้น หลักการสำคัญอยู่ที่ว่าจะต้องนำเอาสายไฟของอุปกรณ์ไฟฟ้ามาเสียบที่ข้างกล่องของ VM80 เมื่อช่องสั่งการ AL1 หรือ AL2 ทำงาน ก็จะมีการจ่ายไฟฟ้าไปที่ปล๊ก ด้านข้างกล่อง  และไฟฟ้าก็จะวิ่งไปตามสายไฟที่นำมาเสียบไว้ที่ข้างกล่อง

หากว่านำสายจากชั้น 4-5 มาเสียบที่ปลั๊กข้างกล่อง อุปกรณ์ไฟฟ้าที่อยู่ที่ขั้น 4-5 ก็จะได้รับไฟฟ้า และทำงาน  จากรูปหากว่าเรานำเอาอุปกรณ์จากชั้น 3 4 5  มาเสียบที่ปลั๊กข้างกล่อง Blade ที่อยู่ในชั้น 3 4 5 ก็จะทำงานพร้อมๆกัน คิดว่าคงได้เป็นแนวทางในการนำไปประยุกต์ใช้นะครับ

                                                                              Vuthmail - Thailand
                                                                                       01.08.54

ทดสอบ VM80 ต่อขยายความยาว Sensor ยาว 200 เมตรด้วยสาย LAN

ตามที่ได้สัญญาไว้นะครับ ว่าจะทำการทดสอบการต่อขยายความยาวสาย Sensor ของ VM80-HT โดยการใช้สาย LAN ยาว 200 เมตรซึ่งเป็นเรื่องน่าหนักใจสำหรับเครื่อง Hygrometer ที่วัดความชื้นหลายต่อหลายรุ่นของหลายยี่ห้อ -- วันนี้ฤกษ์งามที่ดี -- คุณธรรมพร ตราด สั่ง VM80 ที่ต้องใช้ความยาวสายถึง 80 เมตร ซึ่งเป็นสายที่ยาวมากไม่ใช่น้อย ซึ่งหลายๆท่านที่จำเป็นต้องใช้สาย Sensor ยาวมากๆจะเป็นกังวลเรื่องของความถูกต้อง ค่าความเพี้ยน อย่างแน่นอน ซึ่งโดยส่วนตัวผมเองแล้วไม่เป็นกังวลในเรื่องเหล่านี้เลย เพราะว่าได้ต่อความยาวระดับ 30 เมตรได้โดยแทบจะไม่ต้อง Calibrate ค่าที่วัดได้ หรือต้อง Calibrater ก็ทำเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ดังนั้นที่ระดับความยาวที่ 80 เมตรจึงไม่ใช่ปัญหาอย่างแน่นอน ผมจึงจะไม่รู้สึกเป็นกังวลแต่อย่างใดเลย

แต่เนื่องจากว่าเคยรับปากว่าจะทำการทดสอบการต่อขยายที่ระดับ 200 เมตร ซึ่งหากว่าเป็นเครื่องรุ่นอื่นๆ ยี่ห้ออื่นๆนั้นเท่าที่ผมได้ทราบมาจะทำได้แค่เพียง 100 เมตรเท่านั้น แต่ในส่วนตัวผมจะทำการทดสอบ VM80 ที่ความยาวมากถึง 200 เมตรเลย เพื่อเกิดความ Sure จึงทดสอบกันอย่างหนักหน่วง ใช้สายยาวกว่ายี่ห้ออื่นเป็นเท่าตัวเลย เพื่อดูผลจะออกมาเป็นอย่างไร ค่าอุณหภูมิและความชื้นที่วัดได้จะเป็นอย่างไรบ้าง หรือจะมีข้อจำกัดอะไรอย่างไรหรือไม่ เรามาดู Clip ที่ถ่ายไว้กันดีกว่านะครับว่า ผลจะออกมาเป็นอย่างไรบ้าง




หากว่าภาพไม่ขึ้น กรุณา Link ไปที่ http://www.youtube.com/watch?v=Un3HEC-TXkk

จากการทดสอบจริง ค่าที่อ่านได้มีความถูกต้องทั้ง อุณหภูมิและความชื้น โดยเฉพาะค่าความชื้น Calibrate ค่าไม่ถึง 4 Rh% เท่านั้นครับ (จากการทดสอบ Calibrate ค่าเพีย 3.8 Rh% แต่ให้ไว้กว้างขึ้นอีกเล็กน้อยเป็นที่ 4 Rh% ซึ่ง Hygrostat รุ่น VM80 นี้สามารถรองรับการ Calibrate ความชื้นได้มากถึง 50 Rh% ซึ่งหากคำนวนย้อนกลับเพื่อจะหาความยาวสูงสุดของสาย LAN ที่จะต้อง calibrate ค่าแบบเต็มความสามารถคือ 50 Rh% ก็คำนวณได้ว่าสามารถใช้สาย LAN ได้ยาวถึง 2,500 เมตรเลย สูตร ((200/4)*50) ดังนั้นเมื่อเทียบค่าความชื้นที่ Calibrate กับความยาวถึง 2,500 เมตรแล้วถือเป็นสัดส่วนที่ต่ำมากๆๆ-เมื่อเทียบกับความยาวขนาดนี้ ซึ่งเป็นที่รู้วกันว่าในวงการบ้านนกนั้นจะต้องให้ความสำคัญกับเรื่องความชื้นมากพอสมควรเนื่องจาก ความชื้นจะทำให้รังไม่หลุดล่วง ไม่แตกหักง่าย ช่วยให้การเก็บรังทำได้สะดวก ดังนั้น Hygrostat ที่ดีจะต้องวัดค่าความชื้นได้อย่างถูกต้อง และเป็นเรื่องที่มีความสำคัญมาก

ดังนั้นสำหรับเพื่อนๆที่จำเป็นต้องใช้ Hygrostat ที่ต้องใช้ความยาวสายมากๆ จึงไม่ควรมองข้ามเรื่องความเพี้ยนของทั้งอุณหภูมิและความชื้น ซึ่งเรื่องนี้ผมได้ทดสอบตามที่ได้สัญญาไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเป็นที่เบาใจ สบายใจได้กับผลรับที่ได้ สำหรับคนที่ต้องใช้สาย LAN ยาวมาก เมื่อทดสอบที่ความยาว 200 เมตร ความชื้นยังสามารถให้ค่าถูกต้องมากขนาดนี้ หากว่าใช้ความยาวสาย LAN สั้นๆเพียง 15-20 เมตร ค่าความถูกต้องจึงไม่จำเป็นที่จะต้องพูดถึงกันเลย ส่วนค่าของอุณหภูมิ ก็ต้อง Calibrate เช่นกันครับ แต่ค่าที่วัดได้ก็ยังถูกต้องเชื่อถือได้ ตามที่เราได้เห็นกันใน Clip แล้วนะครับ

อีกประการหนึ่ง VM80 ตัวนี้จะแสดงข้อมูล อุณหภูมิ ความชื้น ที่จอ LED แบบ Realtime เลยนะครับ (ประมาณ 8 ครั้งต่อ 1 วินาที ใช่ครับอ่านไม่ผิด 8 ครั้งต่อวินาที) ไม่เหมือนกับบางรุ่นที่ดูว่าค่าอุณหภูมิ ความชื้น ที่วัดได้นั้น นิ่งดี แต่ที่จริงแล้ว เป็นเพราะโปรแกรมการสั่งการให้ไปอ่านค่าที่หัว Probe ตามเวลาที่ตั้งไว้ เช่นกำหนดเวลาไว้ 1นาที หรือ3 นาทีจึงให้ไปอ่านค่าเสียครั้งหนึ่ง ค่าที่ปรากฎบนหน้าจอจึงทำให้ดูเสมือนว่าค่าที่วัดได้นั้นดูนิ่ง ดูเสถียรดี แต่ในข้อเท็จจริงๆแล้วเป็นอย่างที่ผมได้กล่าวไว้แล้วในเบื่องต้น อีกประเด็นหนึ่งก็คือว่าหัว sensor มีการตอบสนองต่ออุณหภูมิ ความชื้นช้าเป็นเต่า ก็จะทำให้ดูเหมือนว่าอุณหภูมิความชื้นที่วัดได้นั้นนิ่งดี ท่านจะคิดอย่างไรกับ Hygrostat ทั้ง 2 กรณีที่ได้กล่าวมาแล้ว ค่าความเสถียรที่เห็นบนหน้าจอ อาจจะไม่ใช่อย่างที่ท่านเคยคิดไว้ ทดลองตรวจสอบกันให้ดีว่าค่าอุณหภูมิความชื้น ที่ว่านิ่งๆนั้นเป็นเพราะอะไรด้วยก่อนที่จะเลือก Hygrostat ดีๆมาใช้สักตัวนะครับ

                                                                                                     Vuthmail-Thailand
                                                                                                            22.06.54

VM80 ติดเขี้ยวเล็บเพิ่มเติม สำหรับหน้าร้อนปี 54 นี้

สินค้า Lot ใหม่ที่มาถึงนี้ ผมได้ติดเขี้ยวเล็บให้กับ VM80 อุปกรณ์ตัวนี้เพิ่ม โดยการขอให้ทางโรงงานที่ผลิต ช่วยเขียนโปรแกรมการหน่วงเวลามาให้เพิ่มเติม  จึงทำให้ VM80 เครื่องควบคุมอุณหภูมิความชื้นตัวเล็กแต่ประสิทธิภาพใหญ๋เกินตัวรุ่นนี้ ก้าวข้ามขึ้นมาเทียบรุ่นกับเครื่องควบคุมอุณหภูมิความชื้นรุ่นใหญ่ที่มีราคาแพงได้ทุกรุ่น เพราะการเพิ่มโปรแกรมหน่วงเวลาทำงานของช่องสั่งการ AL1 AL2 นี้ จะมีเฉพาะในตัว VM80 แต่ว่าราคาเท่าเดิมครับ เพื่อให้เป็นการประหยัด คุ้มค่าเงินของผู้ที่กำลังจะตัดสินใจมาใช้ VM80 เท่านั้น  ซึ่งรุ่นที่เพิ่มเติมโปรแกรมหน่วงเวลารุ่นนี้มีจำนวนที่สั่งเข้ามาไม่มากนัก หากว่าคนที่กำลังจะตัดสินใจซื้อเครื่องควบคุมอุณหภูมิ-ความชื้นที่จะนำไปเพื่อใช้ควบคุมสภาพอากาศในบ้านนก และช่วงนี้ได้เริ่มก้าวเข้าฤดูร้อนแล้ว อย่าได้นิ่งนอนใจ

โปรแกรมการหน่วงเวลานี้ สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้หลากหลายขึ้นกว่าเดิม มีความยืดหยุ่นสูง โดยมีหลักการทำงานดังต่อไปนี้คือ เมื่ออุณหภูมิหรือความชื้นถึงจุดที่ช่องสั่งการ AL1 AL2 จะทำงาน หากว่าเป็นรุ่นเก่า VM80 จะสั่งการทำงานตรงเข้าไปที่อุปกรณ์ต่างๆทันที สั่งงานอย่างตรงไปตรงมา ทำให้บางครั้งไม่สามารถกำหนดการทำงานก่อนหลังของอุปกรณ์ต่างๆได้อย่างเหมาะสม ซึ่งเรื่องนี้เคยเป็นข้อด้อยที่ผมต้องการปรับปรุง จึงได้พูดคุยกับโรงงานอยู่นาน โดยพยายามควบคุมเรื่องราคาไม่ให้เพิ่มขึ้นจนเป็นการผลักภาระให้กับผู้ใช้  ซึ่งทางโรงงานมีค่าใช้จ่ายในการเขียนโปรแกรมใหม่ แต่ด้วยความร่วมมือร่วมใจของทั้งทางโรงงานและผม จึงได้มีข้อสรุปว่าให้สั่งของในจำนวนมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า เพื่อที่จะเข็นเอาโปรแกรมนี้ออกมาให้ได้ และสามารถตอบสนองกับความต้องการใช้งานที่หลากหลายมากขึ้นกว่าเดิม และสามารถจัดลำดับการทำงานของอุปกรณ์ต่างๆได้ ตัวอย่างเช่น

หากว่าท่านต้องการเปิดพัดลม เพื่อกวนอากาศ ทำให้เกิดการไหลเวียนอากาศ เพิ่มการกระจายตัวของความชื้นจากจุดที่ตั้ง Blade หรือระบบ Nozzle (ในพื้นที่จะเรียกว่าระบบ รางน้ำ) ให้กระจายความชื้นไปทั่วบ้าน ภายหลังจากที่เครื่องทำความชื้นได้เพิ่มปริมาณความชื้นภายในบ้านขึ้นมาจนถึงระดับ 85 % แล้ว จากนั้นพัดลมดูดอากาศก็จะเริ่มทำงานรับช่วงเป่าความชื้นให้กระจายไปทั่วห้อง ซึ่งระบบนี้เป็นที่ใช้อยู่แถวภาคตะวันออก โดยเฉพาะจังหวัดตราดนั้น  ซึ่งระบบนี้เดิมจะใช้การตั้ง Timer เพื่อเปิดเครื่องทำความชื้นและเปิดพัดลมเพื่อเป่าอากาศและกระจายความชื้นไปทั่วๆห้อง  ซึ่งระบบนี้มีความจำเป็นต้องจัดลำดับการทำงานก่อนหลังของเครื่องเพิ่มความชื้นและพัดลม เนื่องด้วยเครื่องควบคุมความชื้นในสมัยก่อนไม่สามารถจัดลำดับการทำงานได้อย่าง VM80 ดังนั้น Timer จึงเข้ามารับหน้าที่เป็นตัวจัดลำดับในการทำงานให้

แต่ด้วยเทคโนโลยีของ VM80 รุ่นใหม่นี้ สามารถเพิ่มโปรแกรมหน่วงเวลาเข้ามา จึงทำให้สามารถนำเอาประโยชน์ของโปรแกรมหน่วงเวลานี้มาใช้เพื่อจัดลำดับการทำงานก่อนหลังของอุปกรณ์ต่างๆได้

โดยให้ช่องสั่งการทั้ง AL1 ทำงานเพิ่มความชื้นขึ้นไปจนถึงจุดที่ต้องการ อย่างเช่น 85% Rh แล้วหยุด
และสั่งให้ AL2 ทำงานที่ 85 % Rh เพื่อเข้ารับช่วงการทำงาน แต่จะหน่วงการทำงานของ AL2 ไว้

ดังนั้นเมื่อ AL1 เพิ่มความชื้นขึ้นไปจนถึง 85% Rh ช่องสั่งการ AL1 หยุดการทำงานและตามปกติแล้ว AL2 สั่งการทำงานไปที่พัดลมต่อทันทีเมื่อความชื้นขึ้นมาอยู่ที่ 85% Rh ซึ่งในขณะนั้นละอองน้ำอาจจะมีมากเต็มห้อง หรืออาจจะเป็นละอองน้ำที่ใหญ่เกินไปจนสามารถเป็นสื่อไฟฟ้าทำให้พัดลมเกิดการ Short ขึ้นมาได้ แต่ว่าด้วยโปรแกรมหน่วงเวลาที่เพิ่มเข้ามาใน VM80 จะสามารถหน่วงเวลาออกไปให้ละอองน้ำเม็ดใหญ่ได้มีเวลาพักระเหยตัวไปหมดจนไม่สามารถเป็นสื่อไฟฟ้าแล้ว และเมื่อครบตามเวลาที่ได้หน่วงเอาไว้ AL2 ก็จะค่อยสั่งเปิดพัดลม เพื่อกระจายความชื้นไปอย่างทั่วถึงต่อไป

 โปรแกรมหน่วงเวลาที่เพิ่มเข้ามาใน VM80 รุ่นใหม่นี้ สามารถหน่วงการทำงานเป็นหน่วยนาทีได้นานถึง 0-255 นาที หรือประมาณ 4ชั่วโมง 15นาที ดังนั้นเราสามารถดึงเอาประสิทธิภาพตรงนี้ออกมาใช้งานได้หลายหลากมากขึ้น และเหมาะสมกับสภาพอากาศที่แกว่งตัวไปมาอย่างรวดเร็ว ณ.จุดที่เครื่องจะต้องสั่งการเปิด-ปิดการทำงานของอุปกรณ์ เมื่ออุณหภูมิหรือความชื้นเริ่มเข้าใกล้จุดสั่งการของมิเตอร์นั้น ในช่วงแรกอุณหภูมิหรือความชื้นจะยังไม่มีเสถียรภาพมากเพียงพอ ซึ่งจะขึ้นๆลงๆ เกิดการแกว่งตัวที่จุดสั่งการอยู่สักระยะหนึ่ง จนอุณหภูมิ-ความชื้นมีเสถียรภาพมากพอ ก็จะสามารถก้าวข้ามจุดสั่งงานได้อย่างถาวร 

ซึ่งการแกว่งตัวของอุณหภูมิหรือความชื้น ณ.จุดสั่งการของมิเตอร์นั้นจะทำให้อุปกรณ์ต่างๆ เปิดๆ ปิดๆ จนกว่าอุณหภูมิความชื้นจะมีเสถียรภาพมากเพียงพอ (หรือมีค่ากว่า หรือน้อยกว่า) จุดที่สั่งงานอย่างถาวรแล้ว  แต่ด้วยโปรแกรมหน่วงเวลาของ VM80 ในรุ่นใหม่ ได้เข้ามาอุดช่วงว่าง หรือข้อด้อยใน มิเตอร์รุ่นอื่นได้อย่างเหมาะสม จนกว่าสภาพอากาศไม่ว่าจะเป็นอุณหภูมิหรือความชื้นจะก้าวข้ามจุดสั่งการไปอย่างถาวรจึงค่อยสั่งการเปิด-ปิดอุปกรณ์ต่างๆ โดยไปต้องเสี่ยงกับการเปิดๆๆ ปิดๆๆ จนทำให้เกิดความเสียหายกับอุปกรณ์ต่างๆได้

เห็นโปรแกรมการทำงานที่ครบถ้วนของ VM80 ในรุ่นใหม่ที่เสริมเขี้ยวเล็บให้ฟรีๆๆ ในราคาที่เท่าเดิม แต่ได้รับประสิทธิภาพสูงสุด  ผมอยากเสนอแนะให้ท่านที่สนใจรีบสั่ง VM80 รุ่นไปทดลองใช้เพื่อดูประสิทธิภาพการทำงาน เพื่อสอดคล้องกับการทำงานจริง สามารถควบคุมอุณหภูมิความชื้นได้ตามความต้องการของท่าน ก่อนที่จะถึงหน้าร้อนปี 54 นี้ เมื่อเข้าสู่หน้าร้อนอย่างจริงจัง

ปล. ตามที่ได้สังเกตุ ช่วงนี้นกเริ่มมีการเล่นเสียง เริ่มบินสำรวจบ้านบ้างแล้วนะครับ เพื่อเตรียมหาที่ทำรัง วางไข่ และเลี้ยงลูกนกให้โตทันช่วงหน้าฝนที่กำลังจะวนกลับมาในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้  ดังนั้นช่วงนี้ให้เริ่มตรวจสอบรายละเอียดต่างๆไว้ให้พร้อมเสียแต่เนิ่นนะครับ  จะได้ไม่พลาดโอกาสดีๆที่จะมาถึง

เดี่ยวจะนำเอา Clip การตั้งโปรแกรมการหน่วงเวลามาสาธิตให้ชมกันครับในวันต่อๆไป เพราะว่า วันนี้ติดธุระหลายอย่างครับผม

                                                                                        Vuthmail-Thailand
                                                                                                09.03.54


VM-80HT ประกอบลงกล่องกันน้ำพร้อมใช้งาน

ผมนำเอา VM-80HT ประกอบลงกล่อง ทำเป็นปลั๊กเสียบช่องสั่งการ AL1 แยกเป็นอิสระจากช่องสั่งการ AL2 เพื่อเกิดความเหมาะสมตามลักษณะการใช้งานที่หลากหลายครับ นำไปประยุกต์ใช้กับงานต่างๆได้อย่างเหมาะสม

เนื่องจากตัวผมเองไม่ค่อยมีเวลาว่าง และก็เข้าใจว่ายังมีเพื่อนอีกหลายๆคนมีความเข้าใจเรื่องไฟฟ้าน้อยมาก อีกอย่างเรื่องไฟผมก็ไม่เก่งเลย แต่เห็นประโยชน์ว่าสามารถนำเครื่อง VM-80HT ไปใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ  ซึ่งการเดินระบบไฟฟ้าในงานแต่ละอย่างแต่ละประเภท ก็แตกต่างกันไปตามแต่ละวัตถุประสงค์ รวมทั้งงานบ้านนกก็จะใช้งานที่แตกต่างกันออกไป เพราะว่าแต่หลังก็จัดวางตำแหน่งเครื่องควบคุมไม่เหมือนกัน บางคนทำเป็นตู้ Control และบางคนก็อยากจะให้ใช้ได้ง่ายๆ สามารถนำไปวางไว้บนโต๊ะอย่างตัวต้นแบบของผมนี้ ซึ่งจะทำให้ใช้งานได้สะดวก เคลื่อนย้ายได้ง่าย มีความปลอดภัยสูง คล่องตัวมากๆ หรือจะนำไปติดที่ผนังอาคารก็ได้

คงมีเพื่อนๆบางคนที่อยากได้เพราะใช้งานได้ง่าย-สะดวก แต่ว่าไม่สามารถทำเองได้หรือทำไม่เป็น ประกอบกับตัวผมเองก็ไม่มีเวลา ไม่มีโอกาสจะมานั่งลงกล่องให้ จึงอยากให้คนที่เข้าใจเรื่องไฟฟ้าจริงๆ คนที่เป็นช่างอยู่แล้วทำจะทำได้ดีกว่าตัวต้นแบบของผมนี้ และยังสามารถเพิ่มอุปกรณ์ต่างๆที่ต้องการได้อีกอย่างเช่น Timer หรือุปกรณ์เสริมต่างๆที่เป็นเฉพาะตัวเฉพาะตนตามรูปแบบของท่านเอง  ดังนั้นจึงมีความจำเป็นต้องให้คนที่เป็นช่างไฟตัวจริงเสียงจริงเป็นคนจัดทำให้จะดีกว่า อีกอย่างเรื่องการต่อ VM-80HT ลงเป็นกล่องควบคุม ผมเองก็อาศัยพึ่งพาคุณหนุ่มจันทน์มาโดยตลอด จึงเชื่อมั่นว่าคุณหนุ่มจันทน์นำ VM-80HT ลงกล่องประกอบเป็นตู้อย่างตัวต้นแบบตัวนี้ให้เพื่อนๆอย่างสบายๆ

ส่วนเรื่องราคา VM-80HT ที่นำมาลงกล่องพร้อมใช้งานอย่างที่เห็น ราคาอยู่ที่ 6,000 บาท (ไม่แพง ราคารับได้ครับลองตรวจสอบราคาดูก่อน ซึ่งเครื่องทั่วๆไปราคาจะสูงกว่านี้และยังต้องนำไปประกอบเป็นตู้เอง) ซึ่งผมก็ได้สอบถามจากคุณหนุ่มแล้วครับ ราคานี้อย่างนี้พออยู่ได้ พอเหมาะพอสมกับค่าแรงของคุณหนุ่มจันทน์ครับ ไม่ได้บวกอะไร ค่าแรงสมเหตุสมผล




ผมได้แจกแจงอุปกรณ์ที่ต้องใช้เพื่อนำลงใส่กล่องมีดังนี้

1.-ค่ากล่องเอนกประสงค์ประมาณ 220 บาท
2.-ฟิวส์และสวิทช์ ประมาณ 70 บาท
3.-ค่าสายไฟนอก-ใน 50 บาท
4.-ค่าปลั๊ก 6 ตัวประมาณ 310 บาท

ราคาวัสดุอุปกรณ์ส่วนเพิ่มเหล่านี้ก็ร่วมๆ 650 บาท ส่วนที่เหลือเป็นค่าแรงของคุณหน่มอีกหน่อยครับ  โดยส่วนตัวผมคิดว่าไม่แพง ส่วนเรื่องสาย LAN อันนี้แล้วแต่เลือกครับ ซึ่งผมได้บอกรายละเอียดเรื่องสาย LAN ให้กับคุณหนุ่มไปทั้งหมดแล้วครับ ซึ่งมีให้เลือกทั้งแบบ เกรดคัดพิเศษความต้านทานต่ำ (สำหรับคนที่เน้นการ Calibrate ค่าน้อยๆ) พร้อมทั้งเกรดธรรมดา ราคาถูก และความยาวสายที่ต้องการใช้ของแต่ละคนก็ไม่เท่ากัน ดังนั้นผมจึงไม่นำรายการสาย LAN มารวมด้วย

                                                                                            Vuthmail-Thailand
                                                                                                    24.12.53

การใช้สาย LAN เกรดพิเศษ เพื่อต่อขยายความยาวสาย Sensor ของโรงงาน

ผมพยายามที่จะแก้ไขจุดบอดเล็กๆน้อยๆ ที่เป็นปัญหาใหญ่สำหรับคนที่ใช้ความยาวสายที่ค่อนข้างยาวมาก ซึ่งเดิมที่ผมค่อยๆแก้ไข ได้ทีละจุดจากเดิม 11.5 เมตร  มาเป็น 27 เมตร แต่ตอนนี้ผมมีความมั่นใจมากว่าจะสามารถต่อได้ถึง 100 เมตร ซึ่งผมจะทำ DIY เรื่องนี้อีกที ซึ่งจะสอบเทียบ 100 ถึง 200 เมตร เพื่อดูประสิทธิภาพของสาย LAN เกรดพิเศษนี้

จากเดิมสาย LAN ที่ใช้เป็นสายธรรมดา ที่หากซื้อทั่วไปโดยที่ไม่มีความเข้าใจจริงก็อยากจะโดนสายที่มีความต้านทานสูงโดยไม่รู้ตัว แต่คราวนี้ผมทดลองซื้อสายที่มีความต้านทานต่ำตาม Specfication ของทางโรงงาน (อันนี้มาทราบในตอนหลังจากโรงงานว่าให้เน้นสายที่มีความต้านทานต่ำกว่า 10 โอห์ม) ซึ่งผมก็ไปเที่ยวสอบถาม แต่ว่าก็ไม่ได้ข้อมูลเรื่องของความต้านทานภายในสายเลย สุดท้ายผมตัดสินใจซื้อสาย LAN ที่เป็นเกรดพิเศษมาทดลอง (กล่องละ 3850 บาท) แต่แบ่งซื้อปลีกมาเพื่อใช้ทดลองแค่ 60 เมตร

ก็อย่างที่เห็นค่าความคลาดเคลื่อน ความเพี้ยนของสายยาว 30 เมตรที่วัดออกมาได้เมื่อเทียบกับสายมาตราฐานจากโรงงาน (สาย PT-100) ที่ความยาวแค่ 3 เมตร ปรากฎว่าค่าที่วัดออกมาได้ต่างกันน้อยมากครับ 1 องศาถึง 2.1 องศา ความชื้นก็ต่างกันไม่มาก (โดยส่วนใหญ๋จากที่ใช้สาย LAN 3 ยี่ห้อ 3 เกรด ค่าความชื้นไม่ค่อยมีปัญหา ส่วนมากจะใกล้เคียงกันจนเป็นที่น่าแปลกใจ)  แต่หากว่าเป็นเรื่องของอุณหภูมินั้น คุณภาพของสายที่ใช้จะเป็นปัจัยที่สำคัญมาก ดังจะเห็นได้ว่าโรงงานใหญ่จะต้องใช้สาย PT-100 ตลอดความยาวที่ใช้เลยซึ่งยาวมากๆกว่า 200 เมตร เพื่อให้ได้ความถูกต้องสูง แต่ของเราใช้กันเต็มก็คงไม่เกิน 100 เมตร ซึ่งเรื่องนี้ผมจะหาโอกาสทดลองความยาวที่ 100-200 เมตรเพื่อดูประสิทธิภาพกับผลที่ได้รับจริง เพื่อให้เป็น Reference ของผมและคนที่สนใจเรื่องเหล่านี้

ลองดู Clip จากการทดลองสาย LAN เกรดพิเศษ



หากว่าภาพไม่ขึ้นรบกวน Link ที่  http://www.youtube.com/watch?v=IUcNDVbifq8

                                                                                   Try to Best
                                                                             Vuthmail-Thailand
                                                                                     23.12.53

สาธิต VM-80 HT ควบคุมความชื้น-อุณหภูมิในเวลาเดียวกัน

วันนี้ผมจะทดสอบการควบคุมความชื้น-อุณหภูมิในเวลาเดียวกัน โดยใช้เพียง VM-80 HT เพียงตัวเดียว
และใช้ Blade Humidifier ชุดเดียวกันทั้งให้ความชื้น และก็ Blade Humidifier ชุดเดียวกันนี้แหละครับในการควบคุมอุณหภูมิ รับ Load จาก Blade 3 ตัวเหมือนเดิมครับ

โดยตั้งค่าให้ช่องสั่งการ  AL1 ควบคุมความชื้นไม่ให้ต่ำกว่า  77 Rh%  แต่ไม่เกิน  85 Rh%
ดังนั้นช่องสั่งการ  AL2 รับหน้าที่ในการควบคุมอุณหภูมิไม่ให้เกิน 30c แต่ไม่ต่ำกว่า 28.4c

เรามาเริ่มต้นด้วยการต่อสายไฟ สำหรับ VM-80 HT ที่ผมเคยบอกนักบอกหนา ว่าง่าย สะดวกมากครับ
ด้วยการเชื่อมสายไฟของช่องสั่งการทั้ง 2 ช่องเข้าด้วยกัน จากนั้นจึงนำเอาสาย Blade Humidier เส้นที่เหลือไปเชื่อมต่อกับต่อกับช่อง 4 หรือ 5 ก็ได้ครับ ( สาย Blade Humidifier จะต้องมีเส้นหนึ่งที่ต่อเข้าช่อง1 )  ซึ่งจากการอธิบายเป็นข้อความผมว่าจะไม่ค่อยเห็นภาพ ไม่เข้าใจ ดังนั้นเรามาดูการต่อเชื่อมของจริงดีกว่าครับ ง่ายกว่าเยอะ



จากรูปผมคิดว่าคงทำความเข้าใจได้ไม่ยากนะครับ  และเพื่อนๆ คงจะได้ชมการทำงานตามที่ปรากฎอยู่ใน Clip ด้านล่าง ไฟไม่ช๊อต และสามารถทำงานได้ตามปกติ โดยที่ AL1 ทำงานไฟก็จะสว่าง, AL2  ทำงานไฟก็จะสว่าง หรือทั้ง AL1และAL2 สว่างพร้อมกัน ทำงานพร้อมๆกัน การเดินสายไฟที่เห็นในภาพจะไม่ทำให้เกิดการลัดวงจร หรือ ไฟช๊อตแต่อย่างใดทั้งสิ้น


จากใน Clip จะเห็นได้ว่า เมื่อเปิดเครื่อง AL1 ซึ่งควบคุมด้วยความชื้นจะทำงานทันที เพราะว่าความชื้นต่ำกว่า 75 Rh% และตัดหยุดการทำงานที่ 85 Rh% ได้อย่าถูกต้อง ในขณะที่ AL2 จะยังไม่ทำงานเพราะว่าอุณหภูมิยังไม่สูงกว่า 30 องศา ซึ่งเป็นอุณหภูมิสูงที่สั่งให้เปิดเครื่อง

แต่เมื่ออุณหภูมิขึ้นสูงจนถึง 30 องศา ไฟที่ช่อง AL2 สว่างขึ้น ก็หมายถึงว่าเครื่องทำงานด้วยอุณหภูมิ  ซึ่งให้เพื่อนๆสังเกตุว่าเมื่อไฟของทั้ง AL1 และ AL2 ขึ้นพร้อมๆกัน ไฟจะไม่ลัดวงจร ไฟไม่ช๊อต โดยให้สังเกตุจาก Blade Humidifier ทั้ง 3 ตัวยังทำงานเป็นปกตินะครับ  เมื่อทั้ง AL1และ AL2 ทำงานพร้อมๆกัน ก็หมายถึงว่า Blade Humidifier ชุดเดียวกันนี้ทำงานในทั้ง 2 เงื่อนไขคือสามารถใช้ควบคุมได้ทั้งความชื้นและอุณหภูมิไปพร้อมๆกันในเวลาเดียวกัน





ใน Clip จะเห็นได้ว่าเมื่อความชื้นขึ้นถึง 85 Rh% ช่องสั่งการ AL1 ที่ควบคุมความชื้นจะหยุดทำงาน ไฟที่ AL1 จะดับแต่อุณหภูมิเกินยังไม่ต่ำกว่า 28.4 องศา Blade Humidifier ชุดเดียวกันนี้ก็จะทำงานต่อไปเพื่อลดอุณหภูมิจนกว่าจะลดลงเหลือ 28.4 องศา AL2 จึงจะหยุดทำงาน ซึ่งเพื่อนๆได้เห็นกันแล้วตามที่ปรากฏอยู่ใน Clip จึงสรุปได้ว่าการควบคุมสั่งการเป็นไปตามวัตถุหลักของเครื่อง VM-80 HT ที่สามารถใช้ควบคุมได้ทั้งความชื้นและอุณหภูมิในเวลาเดียวกัน โดยใช้เครื่อง VM-80 HT เพียงเครื่องเดียว และ Blade เพียงชุดเดียวสามารถทำงานคุมทั้งอุณหภูมิและความชื้นได้ครบทั้ง 2 อย่าง

หากว่าท่านเป็นช่างไฟฟ้าเอง และไม่มี VM-80 HT ตัวนี้ก็สามารถซื้อเครื่องวัดอุณหภูมิและเครื่องควบคุมความชื้นมาต่อเป็นระบบอย่างนี้ก็ได้ครับ  แต่หากท่านไม่เก่งหรือไม่มีความรู้ในการเดินระบบไฟอย่างช่างไฟฟ้า ผมว่าจะเป็นการง่ายและสะดวกกว่า หากเพื่อนๆจะนำ VM-80 HT ไปใช้เพราะว่าการเดินสายไฟตามรูปได้ไม่ยากนัก ทำเพียงไม่กี่จุด และตั้งตัวแปรตามที่เพื่อนๆต้องการอีกเล็กน้อย ก็สามารถใช้ไฮโกรสแตท VM-80 HT ในการควบคุมอุณหภูมิ+ความชื้นได้แล้ว ง่ายมากๆไม่ยุ่งยากซับซ้อนอะไร  ผมว่าช่างไฟเองก็ชอบ เพราะว่าติดตั้งได้ง่าย การเดินสายน้อยลงมาก ลดจุดเชื่อมต่อต่างๆไปได้มากจริงๆ

ก่อนหน้านี้ ตัวผมเองอยากได้ USB Data Logger เพื่อนำมาเก็บข้อมูลสภาพอากาศภายในบ้านนกของผมเอง  แต่เมื่อลองสอบถามราคาดู เท่าที่ผมจำได้ราคาอยู่ที่ประมาณ 5,000-7,500 บาท แต่ตอนนี้ผมหมดความสนใจเรื่อง USB Data Logger ไปเลยเพราะว่าราคา VM-80 HT ราคายังถูกกว่าราคาขั้นต่ำของ USB Data Logger เสียอีก เพราะราคาของ VM-80 HT ย่อมเยาว์กว่า USB Data Logger  หากว่าท่านซื้อ USB Data Logger ก็จะได้เพียงแค่การเก็บข้อมูล แต่ VM-80 HT ราคาถูกว่าและยังได้เป็นระบบการควบคุมที่มีประสิทธิภาพมาใช้แทนทั้งระบบ ไม่ใช่เพียงแค่การเก็บข้อมูล (ได้มากกว่าที่คิดจริงๆ)

อ้อผมลืมแจ้งเรื่องของช่อง RS485 ที่ใช้ติดต่อกับ Computor นั้นเป็น Option เพิ่มเติม ซึ่งทางโรงงานได้แจ้งมาให้สำหรับคนที่ต้องการใช้ในการเก็บข้อมมูลจะต้องแจ้งก่อนสั่งของ และมีค่าใช้จ่ายในส่วนนี้เพิ่มเติมประมาณ 700 บาทครับ
                                                                                          Vuthmail-Thailand
                                                                                                   18.12.53